Skip to main content
Monthly Archives

April 2022

วัสดุปูพื้นรอบสระว่ายน้ำตามสไตล์ที่คุณเลือกได้

By วัสดุปูพื้นรอบสระว่ายน้ำตามสไตล์ที่คุณเลือกได้ No Comments

วัสดุปูพื้นสระว่ายน้ำตามสไตล์ที่คุณเลือกได้ สระว่ายน้ำเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ และช่วยสร้างเสริมเสน่ห์ให้บ้านของเราสวยและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น แต่สระว่ายน้ำจะช่วยเสริมให้บ้านเราดูดีอย่างไรนั้น การเลือกวัสดุในการตกแต่งสระว่ายน้ำ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กับรูปทรงของสระว่ายน้ำเลยนะคะ และเพื่อให้พื้นที่รอบสระว่ายน้ำของเราสวยงามตลอดอายุการใช้งาน เราลองมาเลือกหาวัสดุปูพื้นสระว่ายน้ำที่เหมาะกับบ้านของเรากันค่ะ

• ตกแต่งพื้นด้วยปูนซีเมนต์หรือปูนเปลือย

สำหรับใครที่ชอบในสไตล์ Loft และโมเดิร์น ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ หรือสีของอุตสาหกรรม อย่างสีปูนซีเมนต์ ก็ลองเลือกใช้พื้นสระว่ายน้ำแบบปูนเปลือย ที่ให้ผิวสัมผัสที่หยาบแต่สามารถออกแบบลวดลายได้ตามสไตล์ที่เราต้องการ หรือจะเลือกใช้วัสดุหินอ่อนธรรมชาติมาผสมกับปูนซีเมนต์ก็สร้างความสวยงามไปอีกแบบ ด้วยวัสดุหินอ่อนธรรมชาติเมื่อนำมาผสมกับปูนซีเมนต์แล้ว แม้จะให้ความรู้สึกหยาบไม่ต่างกับปูนเปลือยธรรมดา แต่ก็จะช่วยสร้างสีสันที่เป็นธรรมชาติบนผิวของพื้นได้เช่นกัน ซึ่งนอกจากจะสามารถโชว์ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติได้แล้ว ยังให้อารมณ์ความอบอุ่น ขณะที่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมาตกกระทบกับพื้น แล้วเกิดเป็นความระยิบระยับสวยงามไม่ซ้ำใครอีกด้วย

ทั้งยังสามารถผสมสีฝุ่น เพื่อให้เกิดสีสันต่าง ๆ ได้ตามความชอบ แต่ความสวยงามของผลงานก็ขึ้นอยู่กับฝีมือและความประณีตของช่าง โดยบรรยากาศที่ได้ ขึ้นอยู่กับรูปทรงของสระว่ายน้ำ เช่น หากเป็นสระรูปทรงเลขาคณิต จะให้ความรู้สึกทันสมัย หากเป็นสระรูปทรงอิสระก็จะให้ความรู้สึกแบบดิบๆ และกลมกลืนกับธรรมชาติมากกว่า

• ตกแต่งพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก

การเลือกใช้กระเบื้องเซรารมิกในการตกแต่งสระว่ายน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยมนำมาตกแต่งรอบสระว่ายน้ำเช่นกัน ด้วยให้ความรู้สึกที่หรูหรา อีกทั้งกระเบื้องเซรามิกยังมีลวดลายให้เลือกหลากหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบลายธรรมชาติ เช่น กระเบื้องลายหินหรือกระเบื้องลายไม้ ที่มีสีสันและลวดลายที่สวยงามเสมือนจริง หรือกระเบื้องลายสลับสีสันก็สวยงามไม่น้อย ซึ่งกระเบื้องเซรามิกมีวัสดุผิวนูนต่ำ ช่วยป้องกันการลื่นได้ดี ที่สำคัญราคาไม่สูงมากนัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดนั่นเอง

• ตกแต่งพื้นด้วยกระเบื้องดินเผา

การเลือกวัสดุปูพื้นสระว่ายน้ำด้วยกระเบื้องดินเผา จะให้อารมณ์แบบบ้านพื้นถิ่น ที่ต้องการสื่อถึงความดิบและดูเป็นธรรมชาติของวัสดุ ทั้งยังดูเป็นงานฝีมือที่มีรูปแบบและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยกระเบื้องดินเผาแต่ละแผ่นจะมีความเข้มของสีไม่เท่ากัน โดยมีน้ำหนักอ่อน-เข้ม เมื่อนำมาตกแต่งรอบสระว่ายน้ำจึงให้ความรู้สึกกลมกลืนไปกับสระว่ายน้ำ ที่เน้นบรรยากาศและการตกแต่งในแบบธรรมชาติ โดยมีให้เลือกใช้ทั้งกระเบื้องสีส้มอิฐแบบธรรมชาติและกระเบื้องดินเผาไฟสูง (อุณหภูมิสูงประมาณ 1,300 องศาเซลเซียส) ซึ่งเนื้อกระเบื้องจะมีความเหนียวและแกร่งมาก เมื่อนำมาผ่านการเคลือบผิว จึงทำให้มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ และป้องกันการลื่นได้เป็นอย่างดี จึงทำให้กระเบื้องดินเผาเป็นอีกหนึ่งวัสดุที่เหมาะที่จะนำมาตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามให้แก่สระว่ายน้ำ

• ตกแต่งรอบสระว่ายน้ำด้วยพื้นไม้

พื้นไม้ เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่นิยมนำมาตกแต่งพื้นรอบสระว่ายน้ำ ด้วยเป็นวัสดุที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของความแข็งแรง ความคงทนต่อสภาพอากาศ ความสวยจากสีของพื้นไม้ โดยพื้นไม้ที่เหมาะจะนำมาตกแต่งพื้นรอบสระว่ายน้ำนั้น จะต้องนำไปผ่านกระบวนการอบแห้งเพื่อไล่ความชื้นออกจากเนื้อไม้ให้หมด จากนั้นนำไปอัดน้ำยาเพื่อป้องกันปลวกและแมลงกินไม้ชนิดต่าง ๆ และนำไปทาสีหรือย้อมสีไม้ เพื่อเพิ่มความสวยงามและเคลือบผิวหน้าของพื้นไม้ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ช่วยในการรักษาเนื้อไม้ และทำความสะอาดได้ง่าย โดยพื้นไม้นั้นสามารถเข้ากับรูปแบบของสระว่ายน้ำได้ทุกประเภทอีกด้วย

• ตกแต่งด้วยหินกาบ

ในปัจจุบันการเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติในการตกแต่งบ้านหรือสระว่ายน้ำ ได้กลับมารับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการโหยหาธรรมชาติของคนเมืองที่ต้องการใกล้ชิดและอาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ จึงได้มีการนำวัสดุจากธรรมชาติ เช่น หินกาบ มาใช้เป็นวัสดุในการตกแต่งพื้นรอบสระว่ายน้ำ จึงมีให้เราเห็นกันมากขึ้นในทุกวันนี้ โดยหินกาบเป็นวัสดุหินที่มีเนื้อละเอียดและมีลักษณะซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มีรูพรุนน้อยและมีหลายเฉดสีให้เลือกในใช้ แต่โดยส่วนใหญ่ที่นิยมใช้ในการตกแต่งพื้นรอบสระว่ายน้ำมักจะใช้สีเข้ม โดยหินกาบที่นิยมนำมาปูพื้นสระว่ายน้ำจะมีทั้ง ชนิดที่เป็นแผ่นทรงฟรีฟอร์ม และชนิดที่ตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ซึ่งการปูพื้นสระว่ายน้ำด้วยหินกาบจะให้อารมณ์เคร่งขรึม จึงเหมาะกับสระว่ายน้ำที่เน้นธรรมชาติแบบป่าเขา นอกจากนี้ยังสามารถทาน้ำยาเคลือบเงา เพื่อช่วยให้ผิวของหินกาบมีความมันวาวและสวยงามมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ทราบล้างหรือกรวดทราบ เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่นิยมนำมาตกแต่งพื้นรอบสระว่ายน้ำ ด้วยมีผิวสัมผัสที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ ให้อารมณ์คล้ายหาดทราย แต่ทรายล้างจะมีพื้นผิวที่หยาบจึงสามารถป้องกันการลื่นล้มได้เป็นอย่างดี จึงเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับนำมาตกแต่งพื้นรอบสระว่ายน้ำ อีกทั้งพื้นทราบล้างยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย และมีความมนมานต่อทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะ ฝนตก แดดออก เพราะก้อนกรวดถูกยึดติดฝังเป็นเนื้อเดียวกันพื้นสระว่ายน้ำ อีกทั้งยังสามารถรับน้ำหนักได้มาก จึงทำให้เป็นที่นิยมนำมาตกแต่งพื้นโดยรอบสระว่ายน้ำนั่นเอง

ทั้งนี้ การที่เราจะเลือกใช้วัสดุแบบใดมาใช้ในการตกแต่งพื้นสระว่ายน้ำนั้น นอกจากจะดูที่ความชอบ และความสวยงามของวัสดุแล้ว ยังต้องดูด้วยว่าวัสดุที่เราเลือกใช้เหล่านี้ เหมาะสมกับสไตล์และรูปแบบของสระว่ายน้ำและตัวบ้านของเราหรือไม่ นอกจากนี้งบประมาณก็เป็นสิ่งที่สำคัญอีกเช่นกันค่ะ

ปัญหาสระว่ายน้ำที่พบบ่อยและแนวทางแก้ไข

By ปัญหาสระว่ายน้ำที่พบบ่อยและแนวทางแก้ไข No Comments

1.  น้ำเขียว  น้ำเขียวมักจะมีสาเหตุมาจากการขาดการดูแลหรือขาดสารเคมี  ทำให้สาหร่ายและตะไคร่เจริญเติบโต เป็นผลทำให้น้ำมีสีเขียว  ถ้าทิ้งไว้นานก็ยิ่งเขียวมากขึ้น จนกลายเป็นสีดำการแก้ไข  ทำได้โดยการเติมคลอรีนลงไป  และเดินระบบกรองและหมุนเวียนน้ำให้นานกว่าปกติ  (หรือตลอดเวลา)  ดูดตะกอนที่ตกลงมาก้นสระบ่อย ๆ และล้างเครื่องกรองให้บ่อยขึ้น  ถ้า 2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหรือไม่ดีเท่าที่ควร  ให้ใช้น้ำยาปรับสภาพน้ำใสร่วมด้วย  ปัญหาน้ำเขียวน่าจะแก้ไขปัญหาได้ภายใน 3-4 วัน (สำหรับสระ 100 ลูกบาศก์เมตร)  ถ้าสระขนาดใหญ่อาจจะต้องใช้เวลานานมากกว่านี้

2.  ตะไคร่ ปัญหาตะไคร่มักเกิดจากการดูแลที่สม่ำเสมอหรือน้ำขาดสารเคมีทำให้ตะไคร่เจริญเติบโต  ทั้งตะไคร่เขียว  เหลืองและดำ  ส่วนมากจะมีที่บริเวณผนังสระและตามร่องกระเบื้อง
การแก้ไข  ทำได้โดยทำการขัดตะไคร่  และเติมน้ำยาควบคุมตะไคร่  วันรุ่งขึ้นจึงทำการดูดตะกอนที่ตกลงที่พื้นสระทิ้งไป  หลังจากนั้นควรทำการเติมน้ำยาควบคุมตะไคร่เป็นประจำ  และควรควบคุมค่าคลอรีนในสระไม่ให้ต่ำกว่ามาตรฐาน  เพื่อช่วยควบคุมตะไคร่อีกทางหนึ่ง

3.  น้ำมีสีที่แปลกออกไป การที่น้ำมีสีแปลกออกไปจากปกติเช่น  สีแดงหรือสีสนิม  เป็นต้น  สาเหตุมาจากน้ำมีแร่ธาตุต่างๆ ปะปนอยู่ในปริมาณที่สูง เช่น  เหล็ก  สังกะสี  เป็นต้น  มักจะเกิดปัญหากับน้ำบาดาลเป็นส่วนใหญ่ การแก้ไข  ทำได้โดยทำการเติมน้ำยาตะกอนโลหะลงในสระโดยเทคนิคในการใช้น้ำยาตกตะกอนโลหะคือเมื่อใส่ลงในสระแล้วต้องปิดระบบหมุนเวียนน้ำเพื่อให้โลหะที่ปะปนอยู่ตกตะกอนทิ้งไว้ 1 คืน  และต้องรีบดูดตะกอนออกตั้งแต่ช่วงเช้า  เนื่องจากถ้าอุณหภูมิสูงตะกอนจะลอย  ทำให้ดูดตะกอนออกได้ไม่หมด  หากมีการเติมน้ำใหม่เข้าสระก็ควรจะใช้น้ำประปาหรือน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจะดีกว่า

การดูแลสระว่ายน้ำสำคัญคือตัวผู้ดูแลต้องเอาใจใส่ให้มากที่จะต้องคอยตรวจสอบค่าเคมีและศึกษาตัวสารเคมีให้เข้าใจก่อนที่จะใช้ ในการกรองหมุนเวียนน้ำก็ต้องตรวจสอบว่าตัวกรองสกปรกจะต้องล้างหรือไม่และระบบสระว่ายน้ำที่ดีก็จะเป็นระบบน้ำล้นเพราะสระจะไม่คอยจะสกปรกง่ายต่อการดูแลรักษา

8 เคมีภัณฑ์สำหรับดูแลสระว่ายน้ำ

By 8 เคมีภัณฑ์สำหรับดูแลสระว่ายน้ำ No Comments

8 เคมีภัณฑ์สำหรับดูแลสระว่ายน้ำ การดูแลสระว่ายน้ำให้ใสสะอาดนั้น ไม่เพียงแค่การมีระบบถังกรองสระว่ายน้ำเพียงเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลสระว่ายน้ำนั้นเอง แล้วเคมีภัณฑ์เหล่านี้ใช้ทำหน้าที่อะไรบ้าง ต้องใส่ลงในสระว่ายน้ำในปริมาณเท่าไหร่ เป็นอันตรายต่อผู้ใช้หรือไม่ มีคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เคมีภัณฑ์ในสระว่ายน้ำมาฝากครับ

จุดประสงค์ของการใส่เคมีภัณฑ์ในสระว่ายน้ำ คือ เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อโรค และเป็นการควบคุมคุณภาพน้ำให้ได้ตามมาตรฐานของน้ำในสระว่ายน้ำที่ดี โดยผู้ดูแลสระว่ายน้ำจะต้องทำการตรวจวัดและควบคุมคุณภาพของน้ำ มีหลักการได้แก่ pH หรือ ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำ ค่าคลอรีน เป็นต้น มีสารเคมีหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพดังต่อไปนี้1. คลอรีน

เป็นสารค่าเชื้อโรคที่ใช้กับสระว่ายน้ำและมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน คือ คลอรีน 90 % คลอรีน 65 % คลอรีน 10 % แต่การใช้คลอรีนในสระว่ายน้ำโดยทั่วไปจะใช้เป็นคลอรีน 90 % เนื่องจากเป็นคลอรีนที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้ใช้ได้ในปริมาณที่น้อย และเป็นคลอรีนที่อยู่ในสถานะที่สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการได้ เช่น วัดค่าคลอรีนในสระว่ายน้ำให้อยู่ระหว่าง 1.0-3.0 ppm ซึ่งจะต้องทำการตรวจวัดค่าคลอรีนทุก ๆ วัน สามารถทำการตรวจสอบได้โดยการใช้ชุดตรวจสอบในการวัดปริมาณคลอรีนที่จะต้องเติมลงในสระว่ายน้ำ ซึ่งสามารถเทียบได้จาก สระว่ายน้ำขนาด 100 คิว ต้องเติมคลอรีนให้มีค่า 1 ppm ต้องใส่คลอรีน 111 กรัม จึงต้องเติมคลอรีนให้มีค่าเพิ่ม 3 ppm ต้องใส่คลอรีน 300 กรัมนั่นเอง

 2.โซดาแอช

เป็นสารเคมีสระว่ายน้ำที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง มีค่า pH ประมาณอยู่ที่ 14 ซึ่งจะใช้โซดาแอชในการปรับสภาพน้ำ ในกรณีที่น้ำเป็นกรดที่มีค่า pH ที่ต่ำกว่า 6.8 โดยโซดาแอชมีลักษณะเป็นผงสีขาว ซึ่งวิธีใช้ คือ ค่อย ๆ เทโซดาแอชทีละน้อยลงในถังที่บรรจุน้ำอยู่ คนให้โซดาแอชละลายจนหมด แล้วจึงเทลงในสระว่ายน้ำ และมีปริมาณในการใช้ประมาณ 1.3 กิโลกรัม ต่อสระว่ายน้ำที่มีขนาด 100 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ทั้งนี้ผู้ดูแลสระว่ายน้ำจะต้องใส่โซดาแอชลงในสระว่ายน้ำทุกวัน จนกว่าค่าpH จะสูงขึ้นจนอยู่ในระดับมาตรฐานคือ 7.2-7.6 นั่นเอง

3.กรดเกลือแห้ง หรือ กรดเกลือ

กรดเกลือแห้ง เป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติเป็นกรด มีค่า pH อยู่ที่ 1.0 ใช้ในการปรับสภาพน้ำในกรณีที่น้ำในสระว่ายน้ำมีค่าเป็นด่างโดยมีค่า pH ที่สูงกว่า 7.8 ซึ่งกรดเกลือแห้งนี้ก็มีลักษณะเป็นผงสีขาวสำหรับวิธีใช้กรดเกลือ คือ ผู้ดูแลสระว่ายน้ำจะต้องใช้กรดเกลือทีละน้อย ค่อย ๆ เทกรดเกลือทีละน้อยลงในถังที่มีน้ำบรรจุอยู่ คนให้กรดเกลือละลายจนหมดแล้วจึงเทลงในสระว่ายน้ำ ซึ่งปริมาณการใช้กรดเกลือประมาณ 1 กิโลกรัม ต่อขนาดของสระว่ายน้ำ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งผู้ดูแลสระว่ายน้ำจำเป็นต้องใส่กรดเกลือทุกวันจนกว่าค่า pH จะลดลงอยู่ในระดับมาตรฐานที่ 7.2-7.6

4.ผงกรอง

ผงกรองเป็นสารชนิดพิเศษที่จะช่วยในการกรองน้ำในสระว่ายน้ำ โดยผงกรองมีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาว ซึ่งผงกรองนี้จะต้องใช้ร่วมกับระบบถังกรองสระว่ายน้ำชนิดถังกรองผ้า โดยผงกรองจะเข้าไปเคลือบติดอยู่กับแผ่นกรอง ทำให้แผ่นกรองมีประสิทธิภาพในการกรองน้ำใสระว่ายน้ำที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อผ่านการใช้ไปในระยะหนึ่งผงกรองจะสกปรก เครื่องกรองจะตัน โดยดูจากเกย์วัดความดันของถังกรองจะขึ้นอยู่ที่ 15-20 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่งผู้ดูแลสระว่ายน้ำจะต้องทำการล้างถังกรอง โดยปริมาณของผงกรองที่ใช้นั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของเครื่องกรอง ซึ่งผงกรองเป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นกรดอีกด้วย

5.น้ำยาควบคุมตะไคร่น้ำ (Swim Trine)

น้ำยาควบคุมตะไคร่น้ำ เป็นน้ำยาที่มีคุณสมบัติในการควบคุมการเจริญเติบโต ของตะไคร่น้ำภายในสระว่ายน้ำ และมีคุณสมบัติช่วยทำให้น้ำในสระว่ายน้ำมีสีฟ้าสดใส ด้วยน้ำยาชนิดนี้เป็นสารที่มีที่ใช้ในการบำบัดรักษาตามระยะเวลา เมื่อสระว่ายน้ำมีปัญหาเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องใส่น้ำยาควบคุมตะไคร่น้ำทุกวัน และหากมีการดูแลสระว่ายน้ำเป็นประจำอยู่แล้ว ผู้ดูแลสระว่ายน้ำใช้น้ำยาเพียงแค่ ½ แกลลอน ต่อสระว่ายน้ำ 100 คิว เท่านั้น ทั้งนี้น้ำยาควบคุมตะไคร่ 1 แกลลอนมีปริมาณเท่ากับ 3.5 ลิตร ใส่ทุกสัปดาห์ในปริมาณ ½ ลิตร ต่อขนาดสระว่ายน้ำ 100 คิว

6.น้ำยาปรับสภาพน้ำใส (Pool Trine)

น้ำยาปรับสภาพน้ำใส เป็นน้ำยาที่ช่วยแก้ปัญหาน้ำเขียวของสระว่ายน้ำ ที่เกิดจากการขาดการดูแล หรือน้ำในสระว่ายน้ำขาดสารเคมี จึงทำให้ตะไคร่น้ำเกิดการเจริญเติบโตภายในสระว่ายน้ำมากขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำในสระว่ายน้ำเกิดน้ำเขียว น้ำยาปรับสภาพน้ำใสนี้จะช่วยให้ตะไคร่น้ำตายและตกตะกอนลงสู่ก้นสระว่ายน้ำ จากนั้นผู้ดูแลสระว่ายน้ำจึงจะต้องทำการดูดตะกอนออก และทำความสะอาดได้ตามปกติ ทั้งนี้ปริมาณการใช้น้ำยา ½ แกลลอน ต่อสระว่ายน้ำขนาด 100 คิว

7.น้ำยาเร่งการตกตะกอน

น้ำยาเร่งการตกตะกอน เป็นน้ำยาที่ช่วยแก้ปัญหาสภาพน้ำขุ่นในสระว่ายน้ำ เนื่องจากน้ำในสระว่ายน้ำมีสารแขวนลอยมาก น้ำยาชนิดนี้จึงมีคุณสมบัติที่ทำให้สารแขวนลอยมารวมตัวกันเป็นอนุภาคที่ใหญ่ขึ้น จนทำให้สารแขวนลอยในสระว่ายน้ำมีน้ำหนักมาพอที่จะตกตะกอนลงสู่ก้นสระว่ายน้ำได้ซึ่งเทคนิคในการใช้น้ำยาเร่งการตกตะกอน คือ เมื่อผู้ดูแลสระว่ายน้ำจะใส่น้ำยาชนิดนี้ลงในสระว่ายน้ำแล้วจะต้องปิดระบบหมุนเวียนน้ำในทันที เพื่อให้น้ำยาทำการเร่งการตกตะกอนภายในสระว่ายน้ำ ทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นให้รีบดูดตะกอนออกในช่วงเช้า เนื่องจากถ้าปล่อยไว้จนอุณหภูมิสูงตะกอนก็จะลอยขึ้นมา ทำให้ดูดตะกอนออกไปไม่หมด ซึ่งปริมาณการใช้น้ำยาเร่งการตกตะกอน คือ 1-1/2 แกลลอน ต่อสระว่ายน้ำ 100 คิว

8.น้ำยาทำความสะอาดกระเบื้องขอบสระ

การใช้น้ำทำความสะอาดกระเบื้องขอบสระ ใช้โดยชุบฟองน้ำหรือผ้าเช็ดตามกระเบื้องของขอบสระว่ายน้ำบริเวณระดับน้ำ เนื่องจากที่บริเวณนี้จะมีคราบสกปรกมาเกาะเป็นจำนวนมาก หรือคราบสกปรกจากฝุ่นละอองต่าง ๆ น้ำมันทาผิว คราบเหงื่อไคล สิ่งสกปรกที่มักลอยอยู่บนผิวน้ำของสระว่ายน้ำ เป็นต้น โดยน้ำยาชนิดนี้จะมีคุณสมบัติที่ไม่มีฟอง และมีค่า pH เป็นกลางจึงไม่มีผลกระทบกับน้ำในสระว่ายน้ำนั่นเอง

การเลือกใช้เคมีภัณฑ์ดูแลสระว่ายน้ำนั้น ผู้ดูแลสระว่ายน้ำจะต้องเลือกใช้เคมีภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสระว่ายน้ำของคุณ เพราะหากใช้เคมีภัณฑ์ชนิดใดชนิดหนึ่งมากไป ก็อาจสร้างปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ นั่นเอง

5 วิธี กำจัดคราบตะไคร่น้ำในสระว่ายน้ำ

By 5 วิธี กำจัดคราบตะไคร่น้ำในสระว่ายน้ำ No Comments

หลายบ้าน ๆ ที่มีสระว่ายน้ำ หรือว่าบ่อปลานั้น กำลังเกิดปัญหาตระไคร่น้ำกันบ้างรึเปล่าคะ หรือใครที่กำลังสงสัยว่าเพิ่งทำความสะอาดไป ทำไมถึงเกิดตระไคร่น้ำเร็วจังหรือว่าช่วงหน้าฝนที่เราจะต้องเผชิญกับความชื้น ที่มักจะเป็นสาเหตุหลัก ๆ ในการเกิดตะไคร่น้ำ มาเกาะตามพื้นกระเบื้อง วันนี้เราก็มีวิธีการกำจัดตระไคร่น้ำมาฝากกันถึง 5 วิธี ดังต่อไปนี้
 

1. แปรงขัด

เราขอเริ่มวิธีพื้นฐานกันเสียก่อน การใช้แปรงขัดสระว่ายน้ำ แต่วิธีนี้เรียกได้ว่าจะต้องใช้เวลา และแรงกายในการขัด หรืออาจจะใช้น้ำยาล้างห้องน้ำมาเป็นตัวช่วยในการขัดก็สามารถทำได้เช่นกัน
 

2. เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง

วิธีนี้ไม่ทำให้เราเปลืองแรงมากนัก แต่จะมีในส่วนค่าใช้จ่ายที่ถูกเพิ่มเข้ามาแทนเพราะหากบางบ้านไม่มีเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงนั้น ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการจัดหาซื้อนั่นเอง ส่วนบ้านไหนที่มีเจ้าเครื่องนี้อยู่แล้วล่ะก็ หลังจากที่ปล่อยน้ำออกจากสระว่ายน้ำนั้น ก็จัดการฉีดน้ำแรงดันสูงไปตามคราบตระไคร่น้ำที่เกาะอยู่ตามผนัง ตามพื้น รวมไปถึงขอบสระกันได้เลย ส่วนคราบตะไคร่น้ำบริเวณไหนที่มีความหนามากอาจจะต้องใช้แปรงช่วยขัดออกแทน
 

3. น้ำส้มสายชู

เราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่ในครัวของทุกบ้านอย่างแน่นอน เราสามารถที่นำเอาน้ำส้มสายชูมาราดลงบนคราบตระไคร่น้ำได้โดยตรง ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที และนำแปรงมาขัดคราบตะไคร่น้ำออก ทำความสะอาดให้เรียบร้อย
 

4. น้ำยาล้างจาน

ส่วนใครที่คิดว่าการใช้น้ำส้มสายชู อาจจะส่งกลิ่นแรงเกินไป ก็สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำยาล้างจานได้เช่นกัน โดยการนำน้ำยาล้างจานมาผสมกับน้ำเปล่า เมื่อผสมเสร็จแล้วนำไปราดลงบนคราบตะไคร่น้ำ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำแปรงมาขัดคราบตะไคร่น้ำออก ทำความสะอาดให้เรียบร้อย
 

5. น้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ

น้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ เป็นน้ำยาที่มีประสิทธิภาพในการขจัดเชื้อรา, ตะไคร่น้ำ, สาหร่าย และพืชสีเขียว ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวต่าง ๆ และยังสามารถใช้ทำความสะอาดคราบเชื้อรา คราบตระไคร่น้ำในสระว่ายน้ำได้ดีอีกด้วย อีกทั้งยังหมดกังวลสำหรับคราบตะไคร่ที่ฝังแน่น ก็สามารถถูกขจัดออกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถนำปลาปล่อยลงบ่อ หรือตู้กระจกได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งไว้ และยังสามารถใช้เพื่อยับยั้งการเกิดคราบตะไคร่น้ำในบ่อพุได้อีกด้วย

วิธีการใช้งาน


1. ก่อนใช้งานให้นำ น้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ ผสมน้ำตามอัตราส่วนที่เหมาะสม หากขจัดคราบในจำนวนที่มากนั้น สามารถใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมน้ำ


2. เมื่อผสมจนได้สัดส่วนที่เหมาะสมแล้วนั้น สามารถเทลงสระว่ายน้ำได้โดยตรง หรือจะเทใส่ขวดฟ็อกกี้ แล้วนำไปพ่นตามพื้น ตามผนังที่ต้องการขจัดคราบให้ทั่วบริเวณ


3. หลังจากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อให้ น้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


4. เมื่อครบ 24 ชั่วโมงแล้ว ใช้แปรงขัดบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดออกให้หมด


5. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ปัญหาคราบตะไคร่น้ำที่กวนใจอยู่ ก็จะไม่กลับมากวนใจไปอีกยาวนาน

ข้อควรระวัง : ขณะใช้งานจะต้องสวมเครื่องมือป้องกันทุกครั้ง และระมัดระวังไม่ให้น้ำยากระเด็นเข้าตา หรือถูกตามบริเวณผิวหนัง นอกจากนี้ไม่ควรทิ้งน้ำยา หรือภาชนะบรรจุลงตามแหล่งน้ำ

นอกจากนี้การดูแลทำความสะอาดสระว่ายน้ำอยู่เสมอนั้น จะไม่ทำให้เกิดคราบตะไคร่น้ำ รวมไปถึงสาเหตุพื้นลื่นเพราะมีคราบสะสมอีกด้วย อีกทั้งการหมั่นดูแลเครื่องกรอง การตรวจสอบการรั่วไหลของสระว่ายน้ำ รวมไปถึงการดูแลขอบสระว่ายน้ำ และการวัดค่า pH ของน้ำในสระ ที่ควรจะต้องอยู่ระหว่าง 7.2 – 7.8 อยู่เสมอ ก็สามารถช่วยให้สระว่ายน้ำของเรานั้นดูน่าเล่นอยู่เสมอ ตอนนี้เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่มีสระว่ายน้ำอยู่ในบ้านนั้น คงจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาอยู่ในใจกันแล้วใช่ไหมครับ เอาเป็นว่าหยุดเสาร์ – อาทิตย์นี้ มาทำความสะอาดสระว่ายน้ำที่บ้าน เพื่อป้องกันไม่เกิดความเสียหายตามมาภายหลังดีกว่าครับ